29.12.08

Chocolate ของหวานที่ไม่ธรรมดา

Chocolate ของหวานที่ไม่ธรรมดา

Chocolate เป็นขนมหวานที่น้อยคนนักจะปฏิเสธว่าไม่ชอบ เพราะรสชาติของความอร่อยที่หอมหวานมันเข้มข้น มันช่างยั่วน้ำลายดีจริงๆ แล้วอย่างนี้ใครจะอดใจไหว แต่เมื่อได้รับประทานเข้าไปก็จะหยุดไม่ได้ แคลอรี่ในร่างกายก็พุ่งปรี๊ดขึ้นมาพร้อมๆกับน้ำหนักตัว พอเห็นแบบนี้แล้วสาวๆ ก็เลยเลี่ยงที่จะกิน ช็อกโกแลต ทั้งที่อยากจะกินแทบแย่ แต่ถ้าเรารู้วิธีการทาน ช็อกโกแลต ที่ถูกวิธี รวมทั้งประโยชน์ที่จะได้รับแล้ว ยังไงก็ไม่มีทางอ้วนหรอกค่ะ

ในช็อกโกแลตร้อน 1 ถ้วย มีปริมาณสารคาเฟอีนประมาณ 10 มิลลิกรัม ซึ่งน้อยกว่าในกาแฟถึง 10 เท่า แต่สามารถช่วยกระตุ้นร่างกายให้มีความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นได้เช่นเดียวกัน แถมยังช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย เพราะในช็อกโกแลตมีสารบางชนิดที่ไปช่วยกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเคมีแห่งความสุขที่ชื่อ “เอ็นดอร์ฟิน” (Endorphin) ออกมาช่วยปรับอารมณ์ ทำให้เรามีอารมณ์ดีไม่หงุดหงิดง่าย อีกทั้งสาวๆที่เลือดจะไปลมจะมาทั้งหลาย ช็อกโกแลตก็สามารถช่วยได้ไม่ว่าจะลดอาการปวดท้อง หน้าบวม ตัวบวม ก่อนมีประจำเดือนอย่างได้ผล

จากการศึกษา Athens Medical School ประเทศกรีซ กล่าวว่า การรับประทานช็อกโกแลตช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของหลอดเลือดได้ โดยช็อกโกแลตมีสารต้านอนุมูลอิสระ “ฟลาโวนอยด์” (Flavonoid) ซึ่งเป็นชนิดเช่นเดียวกับไวน์แดง พืชผัก ผลไม้ และใบชา

ดังนั้นการรับประทานช็อกโกแลตในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป นอกจากจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของหลอดเลือดแล้ว ยังช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ช่วยควบคุม ความดันโลหิต ช่วยลดอัตราเสี่ยงการอุดตันของหลอดเลือด ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ หรือช่วยในการป้องกันโรคมะเร็งบางชนิดได้ ที่สำคัญยังช่วยให้แก่ช้าได้อีกด้วยค่ะ

ทั้งนี้ยังสามารถช่วยแก้อาการเมาค้าง หรือ Hangover ได้ด้วยซึ่งจะได้เลิกเมาค้างข้ามวันข้ามคืนไงคะ และยังช่วยลดอาการอักเสบเวลาเจ็บป่วยต่างๆ มีผลต่อสมอง เพราะช่วยให้ตื่นตัวและยังช่วยให้กระฉับกระเฉงอีกด้วยค่ะ

แม้เพียงรับประทานช็อกโกแลตในครั้งแรกก็ได้รับประโยชน์ดังกล่าวแล้ว และแม้ว่าช็อกโกแลตจะมีกรดสเตียริคซึ่งเป็นไขมันอิ่มตัวในปริมาณสูง แต่ก็ไม่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มของระดับคลอเลสเตอรอลแต่อย่างใด แต่ไม่ใช่ว่าช็อกโกแลตทุกประเภทจะมีปริมาณพีนอลเท่ากัน ช็อกโกแลตที่ผสมนมจะมีปริมาณพีนอลน้อยกว่าช็อกโกแลตล้วนๆ 2-4 เท่า ซึ่งช็อกโกแลตที่มีปริมาณโกโก้มากเท่าไหร่ ก็จะมีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณมากขึ้นเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม มีรายงานของจุลสาร American Journal of Clinical Nutrition ระบุว่า เราได้รับประโยชน์จากช็อกโกแลตหากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น โดยการรับประทานช็อกโกแลตดำประมาณครึ่งออนซ์ จะทำให้ความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ของร่างกายเราเพิ่มขึ้นประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์ และปริมาณของ LDL หรือ Low-density Lipoprotein Cholesterol ซึ่งเป็นคลอเลสเตอรอลที่เป็นพิษก็จะลดลงเช่นกันหลาย

ท่านที่ละเลยคุณประโยชน์จากช็อกโกแลตไป หรือบางคน อาจจะกลัวอ้วนเนื่องจากนมหรือน้ำตาลที่ผสมอยู่ในช็อกโกแลต ถ้าหันมา รับประทานช็อกโกแลตที่มีนมหรือน้ำตาลในปริมาณต่ำ ก็จะได้รับประโยชน์จากสารต้านอนุมูลอิสระไม่น้อยทีเดียวค่ะ อร่อยด้วยมีประโยชน์ด้วย แหมช่างคุ้มจริงๆ ค่ะ