กลิ่นเหม็นที่เกิดจากปาก
เกิดขึ้นได้เหมือนกันกับกลิ่นเหม็นที่เกิดจากส่วนอื่นๆ ของร่างกายมนุษย์
โดยเป็นผลมาจากแบคทีเรียที่อยู่ในช่องปากย่อยสลายเศษอาหารที่ตกค้างอยู่ตามส่วนต่างๆ
ของช่องปาก...
สาเหตุจากแบคทีเรีย และเศษอาหารที่ตกค้างอยู่ในช่องปาก ทำให้เกิดการเน่าเสียของเศษอาหาร จึงมีผลให้เกิดกลิ่นเหม็นขึ้น
สาเหตุจากแบคทีเรีย และเศษอาหารที่ตกค้างอยู่ในช่องปาก ทำให้เกิดการเน่าเสียของเศษอาหาร จึงมีผลให้เกิดกลิ่นเหม็นขึ้น
กลิ่นเหม็นในช่องปากสามารถแยกออกได้
4
แบบ
คือ
1.
กลิ่นที่เกิดจากฟัน
2.
กลิ่นที่เกิดจากโรคปริทันต์และซอกเหงือก
3.
ที่เกิดจากด้านหลังของลิ้น
4.
กลิ่นที่เกิดจากการสูบบุหรี่
กลิ่นปากที่มักจะพบมากที่สุดในช่องปากคือ ที่ร่องเหงือก ลิ้น
ครอบฟันบริเวณที่อุดฟัน โรคปริทันต์ ฟันที่ผุรูกว้าง
ฟันปลอมชนิดถอดได้ซึ่งมีเศษอาหารตกค้าง การหลั่งของน้ำลายมากหรือน้อย
และในคนสูบบุหรี่ กลิ่นปากเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งจากภายในช่องปากและนอกช่องปาก
กลิ่นปากที่มีสาเหตุจากภายในช่องปาก
ได้แก่- แผลในช่องปาก เช่น ซิฟิลิส เนื้องอก
แผลที่เกิดขึ้นหลังการถอนฟันหรือแผลที่เกิดจากการผ่าตัดในช่องปาก-
ฟันผุที่เศษอาหารสามารถตกค้างสะสมอยู่ในรูร่องฟัน ทะลุโพรงประสาทฟัน
และมีหนองเกิดขึ้นที่ปลายรากฟัน- โรคปริทันต์ที่ลุกลาม
ทำให้เกิดการทำลายอวัยวะรอบฟันเป็นที่สะสมของเศษอาหาร- ผู้ที่ใส่ฟันปลอม
หรือเครื่องมือต่างๆ ในช่องปาก เช่น เฝือกสบฟัน เครื่องมือจัดฟัน หรือ
เครื่องมือกันฟันล้ม ที่รักษาความสะอาดได้ไม่ดีพอ จะทำให้เกิดกลิ่นในช่องปาก-
น้ำลาย
ซึ่งในช่องปากของคนเรามีน้ำลายเป็นเสมือนน้ำยาบ้วนปากที่ธรรมชาติให้มาเพื่อช่วยชะล้างสิ่งสกปรก
กลิ่นปากเมื่อในช่องปากมีน้ำลายหลั่งออกมากช่องปากก็จะสะอาดมากกว่าน้ำลายที่หลั่งออกมาน้อย
เนื่องจากน้ำลายจะช่วยลดการบูดเน่าของอาหารที่ทำให้เกิดกลิ่น
โดยปกติน้ำลายจะหลั่งออกมาได้มากขณะเคี้ยวอาหาร รับประทานของเปรี้ยว
การคิดถึงอาหารที่อร่อย หรืออาหารที่ชอบมากๆ
แต่ในบางขณะจะมีการหลั่งน้ำลายออกมาได้น้อย เช่น ขณะนอนหลับ ภาวะการอดอาหาร
การดื่มน้ำไม่เพียงพอ อากาศร้อน ภาวะทางจิตใจ ความเครียด การเจ็บป่วยด้วยโรค
ตลอดจนอาชีพที่ใช้เสียงมากๆ เช่น ครู ทนายความ มีผลให้มีน้ำลายน้อย
และมีกลิ่นปากได้- ลิ้น บางครั้งกลิ่นเหม็นจากช่องปาก
สามารถเกิดได้จากบริเวณโคนลิ้นด้านในสุด
เนื่องจากบริเวณนี้มีน้ำเมือกในช่องจมูกไหลลงสู่คอ ซึ่งภาวะเช่นนี้
ไม่จำเป็นว่าจะต้องเกิดจากการเจ็บป่วยด้วยโรค แต่มักมีสาเหตุมาจากอาการภูมิแพ้
ซึ่งอาการนี้จะทำให้มีน้ำเมือกจากช่องจมูกไหลลงคอในระยะแรกๆ
แต่อาการนี้จะไม่ทำให้เกิดกลิ่นปากในระยะแรกๆ แต่เมื่อทิ้งระยะไว้สัก 2-3
วัน
แบคทีเรียในช่องปากจะย่อยน้ำเมือกทำให้เกิดกลิ่น
เราสามารถทดสอบกลิ่นนี้ได้โดยใช้ช้อนพลาสติกขูดเบาๆ ที่ด้านในสุดของโคนลิ้น
ปล่อยทิ้งไว้สักครู่จึงดมกลิ่นดู
โดยปกติคนที่มีกลิ่นปากจากสาเหตุนี้
เวลาเป่าปากจะไม่ค่อยได้กลิ่น แต่จะได้กลิ่นเหม็นเมื่อเริ่มพูด
เนื่องจากมีลมผ่านลิ้นที่เคลื่อนไหวจึงทำให้เกิดกลิ่นขึ้นมา ดังนั้น
จึงควรแก้ไขด้วยการแปรงลิ้นหลังการแปรงฟันทุกครั้ง และแปรงให้ลึกถึงโคนลิ้น
จะช่วยทำความสะอาดน้ำเมือกที่ตกค้างอยู่ในช่องปากนี้ได้- การสูบบุหรี่
นอกจากการสูบบุหรี่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพทั่วไปของผู้สูบและคนรอบข้างแล้ว
ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้สูบเป็นโรคปริทันต์รุนแรงมากขึ้นด้วย
และกลิ่นของบุหรี่ที่ตกค้างอยู่ในช่องปากผสมกับกลิ่นอื่นๆ
ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเฉพาะตัวขึ้นได้- การหายใจทางปากบ่อย ทำให้น้ำลายแห้ง
ดังนั้นการหายใจทางปากจึงส่งผลให้แบคทีเรียมีการเจริญเติบโตเพิ่มจำนวนได้มากขึ้น
และเกิดกลิ่นปากได้มากขึ้นเช่นกัน อาหารที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก เช่น หัวหอม
หัวกระเทียม เครื่องเทศ สะตอ และแอลกอฮอล์
การรับประทานอาหารพวกนี้จะทำให้มีกลิ่นปากได้
แต่โดยธรรมชาติอาหารพวกนี้เมื่อถูกย่อย ดูดซึม และขับถ่ายออกแล้ว
กลิ่นก็จะหายไปได้เอง
กลิ่นปากที่มีสาเหตุจากระบบต่างๆ
ของร่างกาย เช่นโรคในระบบทางเดินหายใจส่วนบน เช่น
ไซนัสอักเสบ โรคทอนซิลอักเสบ โรคมะเร็งที่โพรงจมูก โรคในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง
เช่น โรคเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร โรคปอดเรื้อรัง วัณโรคปอด หรือมะเร็งปอด
โรคของระบบขับถ่าย
คนส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัวว่ามีกลิ่นปากจริงหรือไม่
?วิธีทดสอบง่ายๆ
โดยทั่วไปคือ- ใช้วิธีการเอามือปิดปากและจมูก เป่าลมแรงๆ ออกจากปาก และดม
ซึ่งบางคนก็สามารถบอกได้ว่ามีกลิ่นปากหรือไม่- ใช้วิธีเลียที่ข้อมือและดมดู
ในบางคนอาจจะใช้นิ้วมือถูที่บริเวณเหงือก แล้วนำมาดมกลิ่นว่าเหม็นหรือไม่-
ใช้วิธีขอร้องให้คนใกล้ชิดช่วยบอกก็ได้
การดูแลและแก้ไขการมีกลิ่นปากให้ได้ผลข้อควรปฏิบัติในการดูแลรักษาไม่ให้เกิดกลิ่นในช่องปาก
คือ- ต้องมั่นดูแลอนามัยของช่องปากให้สะอาดอยู่เสมอ
และรักษาสภาวะในช่องปากให้เป็นปกติ- หากมีสภาพเหงือกหรือฟันที่เป็นโรค ควรรีบรักษา
หรือปรึกษาทันตแพทย์ทันที- ในกรณีที่มีฟันเก
มีซอกเหงือกหรือร่องเหงือกที่เป็นแหล่งทำให้มีเศษอาหารตกค้าง
ควรใช้ไหมขัดฟันช่วยทำความสะอาดที่บริเวณนั้นเพิ่มขึ้นจากการแปรงฟัน-
ลิ้นก็ควรแปรงให้สะอาดและแปรงให้ลึกถึงโคนลิ้น- ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ
เพื่อป้องกันอาการปากแห้ง